“วาโก้” แบรนด์ชุดชั้นในรักษ์โลก สานต่อโครงการวาโก้บราเดย์ บราเก่าเราขอ ปีที่ 12 ชวนทุกคน “ทิ้งบราเก่าถูกที่ ดีต่อเรา รักษ์ต่อโลก - Thailand Smart Content

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Saturday, March 18, 2023

“วาโก้” แบรนด์ชุดชั้นในรักษ์โลก สานต่อโครงการวาโก้บราเดย์ บราเก่าเราขอ ปีที่ 12 ชวนทุกคน “ทิ้งบราเก่าถูกที่ ดีต่อเรา รักษ์ต่อโลก




“วาโก้” แบรนด์ชุดชั้นในรักษ์โลก สานต่อโครงการวาโก้บราเดย์ บราเก่าเราขอ ปีที่ 12
ชวนทุกคน “ทิ้งบราเก่าถูกที่ ดีต่อเรา รักษ์ต่อโลก”
หนึ่งในวิกฤตที่โลกของเรากำลังเผชิญคือ สภาพอากาศที่รุนแรงสุดขั้วเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างปัญหาฝุ่น PM 2.5 ส่วนหนึ่งเกิดจากการเผาเศษวัสดุเหลือใช้ในที่โล่ง เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ วาโก้ชวนทุกคนตื่นตัวและตระหนักรู้ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น จึงสานต่อโครงการวาโก้บราเดย์ บราเก่าเราขอ ปีที่ 12 อย่างเข้มข้นกับพันธกิจรักษ์โลก ด้วยการรับบริจาคบราหรือชุดชั้นในเก่าทั้งหญิง-ชาย นำไปกำจัดโดยการเผาอย่างถูกวิธี แบบ Zero Waste (เปลี่ยนขยะให้เป็นศูนย์) แปรเปลี่ยนเป็นพลังงานเชื้อเพลิง ทั้งยังลดขยะชุมชน ลดปัญหาโลกร้อนและลดฝุ่น PM 2.5 ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ที่ทุกคนทำได้และสร้างจิตสำนึกที่ดีเพื่อสิ่งแวดล้อมร่วมกัน




นางอินทิรา นาคสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 53 ปี ที่บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) วาโก้ยังครองความเป็นผู้นำธุรกิจชุดชั้นในด้วยวิสัยทัศน์ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมทุกด้าน โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมที่ให้ความสำคัญและดูแลในทุกกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ทั้งผลิตภัณฑ์วาโก้ทุกชิ้นที่ผ่านกระบวนการผลิตปลอดสารพิษเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงกระบวนการจัดการกับผลิตภัณฑ์เสื่อมสภาพหรือสิ่งของที่ไม่ใช้แล้วเพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี กับโครงการวาโก้บราเดย์ บราเก่าเราขอ รับบริจาคบราหรือชุดชั้นในเก่าทั้งหญิง-ชาย เพื่อนำไปกำจัดโดยการเผาอย่างถูกวิธี เพราะ "บรา" หรือชุดชั้นในเป็นไอเท็มสำคัญสำหรับทุกคน โดยวัสดุส่วนใหญ่ผลิตจากโพลิเมอร์ส่งผลให้บรา 1 ตัว ใช้เวลาย่อยสลายกว่า 400 ปี อีกทั้งการเผาในที่โล่งยังสร้างมลพิษและฝุ่น PM 2.5 โดยร่วมกับ บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP นำชุดชั้นในที่ได้รับการบริจาคไปแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานเชื้อเพลิง ทดแทนการใช้ถ่ายหินในการผลิตกระแสไฟฟ้าในระบบปิด ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ หรือพลังงานจากฟอสซิลต่างๆ ลดผลกระทบการเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) หรือลดโลกร้อน (Global Warming)
จากสถิติปี 2566 อ้างอิงจาก populationpyramid.net พบว่า จำนวนผู้หญิงไทยอายุระหว่าง 10-69 ปี มีจำนวนกว่า 29,351,011 คน หากคาดการณ์จำนวนผู้หญิงไทยที่ซื้อชุดชั้นในใหม่ จำนวนปีละ 5-12 ตัวต่อปี คาดว่าจะเกิดการทิ้งชุดชั้นในเก่าที่เสื่อมสภาพคนละ 2 ตัวต่อปี เท่ากับว่าจะเกิดขยะพลาสติกจากชุดชั้นในเก่าเพิ่มขึ้นกว่า 5,870 ตันต่อปี ถือเป็นตัวเลขที่สูงมากๆ จากปัญหาดังกล่าวข้างต้น วาโก้จึงอยากชวนทุกคนมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมและร่วมรักษ์โลกกับวาโก้
นับตั้งแต่ก่อตั้งโครงการ “วาโก้บราเดย์ บราเก่าเราขอ” ในปี พ.ศ. 2555-2565 วาโก้ได้มีส่วนช่วยกำจัดบราเสื่อมสภาพไปแล้วจำนวน 720,664 ตัว รวมน้ำหนัก 72,066 กิโลกรัม หรือลดขยะชุมชนไปได้กว่า 72 ตัน ทดแทนการใช้พลังงานถ่านหินได้กว่า 468 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ ลดการเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ถึงกว่า 39,036 ต้น




พิชญ์สินี วีระสุทธิมาศ หรือ “โบกี้ ไลอ้อน” นักร้องสาวมากความสามารถ กล่าวเสริมว่า “ก่อนอื่นต้องขอบคุณวาโก้ที่ให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งทุกคนสามารถรักษ์โลกด้วยหลากหลายวิธีตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง เช่น ปิดแอร์ปิดไฟเมื่อไม่ได้ใช้ หันมาใช้ถุงผ้าแทนการใช้ถุงพลาสติกหรือแยกขยะก่อนทิ้ง ในส่วนของโบคือเป็นคนที่มีเสื้อผ้าเยอะมาก ตัวไหนที่ไม่ใช้แล้วแต่สภาพดีก็นำไปบริจาค ส่วนบราหรือชุดชั้นในเก่าที่ไม่ได้ใช้ต้องทิ้งเท่านั้นนะคะอย่าไปเสียดาย เพราะไม่ดีต่อสุขภาพเต้านมของเราเอาเสียเลย แค่นำชุดชั้นในเก่าทุกแบรนด์มาบริจาคกับวาโก้เพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี แค่ทิ้งให้ถูกที่ก็ช่วยโลกได้แล้วค่ะ” โบกี้ กล่าวทิ้งท้าย
มาร่วมเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างยั่งยืน ด้วยการนำบราเก่าหรือชุดชั้นในทั้งหญิงและชายทุกแบรนด์มาบริจาคได้ตลอดทั้งปีกับโครงการ “วาโก้บราเดย์ บราเก่าเราขอ” ที่วาโก้ช็อปและเคาน์เตอร์ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือทางไปรษณีย์ส่งถึงฝ่าย CSR บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) 132 ซอยเจริญราษฎร์ 7 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ 10120




---------------------------------------------------------
ข้อมูลเพิ่มเติม
วาโก้ถือเป็นแบรนด์แรกในกลุ่มธุรกิจสิ่งทอ ที่ได้รับการรับรองฉลากเขียว (Green Label) จากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ที่มุ่งเน้นการใช้วัตถุดิบและกระบวนการผลิตตามแนวทาง “BCG Model” ซึ่งประกอบด้วย BIOECONOMY ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุจากธรรมชาติหมุนเวียน ย่อยสลายได้จากเส้นใยจากธรรมชาติ เช่น ยางพารา ฝ้าย เยื่อไผ่และเต้าโมลที่มีส่วนผสมของน้ำมันปาล์ม CIRCULAR ECONOMY ชุดชั้นในผลิตจากวัสดุหมุนเวียนจากของเสียในกระบวนการผลิต (Pre-Consumer) วัสดุที่ถูกทิ้งสู่สิ่งแวดล้อม (Post-Consumer) เช่น แห-อวนในท้องทะเล รวมถึง Recycle Material GREEN ECONOMY กระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น Green Label / Green Industry (GI.4) / Eco Factory เป็นต้น



No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad




Pages