เซ็นทรัล รีเทล ปลื้ม ดัน ซีอาร์ซี ไทวัสดุ เตรียมขึ้นแท่นเบอร์ 1 วงการค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง - Thailand Smart Content

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Thursday, April 28, 2022

เซ็นทรัล รีเทล ปลื้ม ดัน ซีอาร์ซี ไทวัสดุ เตรียมขึ้นแท่นเบอร์ 1 วงการค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง








เซ็นทรัล รีเทล ปลื้ม ดัน ซีอาร์ซี ไทวัสดุ เตรียมขึ้นแท่นเบอร์ 1 วงการค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง



อัดฉีดงบ 7,000 ลบ. ชู 5 กลยุทธ์ ปี’65 CRC Thai Watsadu : Build the future



สร้างอนาคตมิติใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน



กรุงเทพฯ 27 เมษายน 2565 - บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผู้ดำเนินธุรกิจ ค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งบ้าน ภายใต้แบรนด์ไทวัสดุ บีเอ็นบี โฮม ออโต้วัน และ โก! ว้าว กางแผนปี 2565 สานต่อยุทธศาสตร์ CRC Retailligence ภายใต้วิสัยทัศน์การขึ้นเป็นผู้นำค้าปลีก ออมนิชาแนลตลาดสินค้าวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านอย่างครบวงจรในภูมิภาคเอเชีย อัดงบลงทุนกว่า 7,000 ล้านบาท โดยชู 5 กลยุทธ์ CRC Thai Watsadu : Build the future พร้อมตั้งเป้าการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน










นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 12 ปี ในการก่อตั้ง ซีอาร์ซี ไทวัสดุ ได้ขยายธุรกิจสินค้าวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งบ้าน รวมถึงสินค้าที่เติมเต็มไลฟ์สไตล์ของผู้คน ครอบคลุมทุกเรื่องเกี่ยวกับบ้านและรถ เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็ง แม้ในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาซึ่งนับเป็นความท้าทายของธุรกิจค้าปลีกทั่วโลก แต่ด้วยการปรับตัวโดยไม่หยุดยั้ง ธุรกิจของบริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงระบาดหนักของโควิด-19 โดยในปี 2564 บริษัทฯ สร้างยอดขายเติบโตขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปี 2563 พร้อมกับการขยายสาขาไทวัสดุ 5 สาขา และการเปิดธุรกิจใหม่ภายใต้แบรนด์ โก! ว้าว รองรับเทรนด์ Home Convenience ของผู้บริโภคในอนาคต ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว








สำหรับปี 2565 ซีอาร์ซี ไทวัสดุ มุ่งเป้าการเติบโตของธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง ภายใต้วิสัยทัศน์การเป็นผู้นำค้าปลีกออมนิชาแนลตลาดสินค้าวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งบ้านอย่างครบวงจรในภูมิภาคเอเชีย พร้อมสานต่อยุทธศาสตร์ CRC Retailligence สร้างอัตราการเติบโตของธุรกิจ (CAGR) ในระยะ 10 ปี (2560-2569) โดยใน 5 ปี แรก อัตราการเติบโตของธุรกิจอยู่ที่ 12% ในขณะที่ 5 ปีข้างหน้า (2565-2569) คาดการณ์อัตราการเติบโตของธุรกิจอยู่ที่ 18% และตั้งเป้าผลกำไรเพิ่มขึ้น 30% ผ่านการขับเคลื่อนธุรกิจใน 5 กลยุทธ์สำคัญ ประกอบด้วย









1. Thriving เสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจ รองรับการเติบโตในอนาคต พร้อมก้าวขึ้นเป็นผู้นำค้าปลีกออมนิชาแนลตลาดสินค้าวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งบ้านอย่างครบวงจร ด้วยงบลงทุนกว่า 7,000 ล้านบาท ผ่านกุญแจสำคัญ (Multi-Key Drivers) เพื่อการขยายสาขาใหม่ ปรับปรุงสาขาเดิม การรีแบรนด์ และพัฒนารูปแบบบริการ ในทุกแบรนด์ (Multi-Brands) ครอบคลุม ไทวัสดุ บีเอ็นบีโฮม ออโต้วัน โก! ว้าว และหลากหลายในทุกฟอร์แมท (Multi-Formats) ทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ รวมถึงการเพิ่มช่องทางการขายใหม่ (Multi-Channels : Chat & Shop, Call & Shop, e-ordering, Direct Sales) ขยายประเภทและชนิดของสินค้าให้หลากหลาย (Multi-Ranges) ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค (Multi-Segments)



2. Seamless Omnichannel Shopping Experience ด้วยความสำเร็จในปี 2564 ช่องทางออนไลน์เติบโตขึ้นกว่า 400% ด้วยรายการสินค้ากว่า 70,000 รายการ มียอดการเยี่ยมชมกว่า 17 ล้านครั้งต่อเดือน มีลูกค้าจำนวน 2 ล้านรายต่อเดือน สร้างยอดขายกว่า 60,000 ออเดอร์ ต่อเดือน โดยในปี 2565 พร้อมส่งต่อประสบการณ์การช้อปปิ้งผ่านช่องทางออมนิชาแนลอย่างไร้รอยต่อ ตั้งเป้าการเติบโตช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น 150% ยกระดับแพลตฟอร์มออมนิชาแนล เปิดตัวโมบายแอปพลิเคชัน ‘ไทวัสดุ’ ในเดือนพฤษภาคมและกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาแอปบีเอ็นบี โฮม และออโต้วัน ที่จะพร้อมเปิดตัวในอนาคตอันใกล้ นอกจากนี้ได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ของเว็บไซต์ อัปเกรดระบบโครงสร้าง IT ระบบ Order & Transportation Management System ด้วยมาตรฐานบริการระดับเวิลด์คลาส



3. Supply Chain & Logistics Expansion ปรับปรุงและขยายคลังสินค้าแห่งใหม่บนพื้นที่กว่า 160,000 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นกว่า 120% เพื่อรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของกลุ่มธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ในอีก 5 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังได้พัฒนาระบบโลจิสติกส์ ลงทุนขยาย fleet รถบรรทุกกว่า 25 % และเริ่มทดลองวิ่งรถบรรทุก EV Charge พลังสะอาด ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 30 คัน ในปี 2566 ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 200 ต้นต่อปี



4. Driving Sustainability การขับเคลื่อนธุรกิจที่ยั่งยืนที่เคียงข้างในทุกมิติ ทั้งพนักงาน คู่ค้า สังคมและสิ่งแวดล้อม อันเป็นส่วนหนึ่งในพันธกิจการสร้างคุณค่าร่วม (Creating Shared Values) ตามนโยบายของเซ็นทรัลทำ โดยมุ่งเน้นใน 3 มิติหลัก ได้แก่









- People Centric ให้ความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพคน ตลอดระยะเวลา 12 ปีในการดำเนินธุรกิจ สร้างรายได้และสร้างอาชีพให้กับผู้พิการ ผู้สูงอายุ เพิ่มโอกาสสร้างงานและขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงวิกฤตโควิด-19 มีการจ้างงานกว่า 1,000 อัตรา นอกจากนี้ ยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างบัณฑิตคุณภาพ โดยการมอบทุน และฝึกภาคปฏิบัติเรียนรู้จากประสบการณ์จริง เพื่อตอบโจทย์ตลาดแรงงาน ณ ปัจจุบันได้มอบทุนการศึกษาไปแล้วกว่า 62 ล้านบาท



- Sharing Society ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการตอบแทนสังคมผ่านโครงการสำคัญต่างๆ อาทิ โครงการ “รวมหัวใจให้บ้านเกิด” ที่เปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วมสร้างประโยชน์ต่อชุมชนของตนเอง โดยการเข้าไปช่วยเหลือปรับปรุงสถานที่ และ มอบอุปกรณ์ให้แก่ โรงพยาบาล โรงเรียน สร้างบ้านให้ผู้ยากไร้ รวมไปถึงการสนับสนุนและช่วยเหลือสังคมในยามวิกฤติ เช่น การบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ และยังเป็นผู้สนับสนุนโครงการที่ให้ความช่วยเหลือประชาชน หน่วยงานทางการแพทย์ที่ได้ผลกระทบจากโควิด -19 อาทิ การบริจาคทุนและอุปกรณ์เพื่อสร้างศูนย์พักคอย สร้างโรงพยายาลสนาม การผลิตยาฟ้าทะลายโจร การบริจาคเจลแอลกอฮอล์ เป็นต้น



- Environmental Oriented สร้างการเติบโตของธุรกิจที่เคียงข้างกับการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยร่วมกับองค์การป่ารักษ์น้ำแห่งประเทศไทยเป็นเวลากว่า 4 ปี มอบฝายจำนวน 1,130 แห่ง ในพื้นที่ จ. เชียงใหม่ ช่วยบรรเทาวิกฤติของป่าต้นน้ำคืนความสมดุลให้แก่ธรรมชาติ พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้ขานรับนโยบาย BCG อันเป็นหนึ่งในวาระสำคัญของประเทศ เริ่มติดตั้ง Solar Roof ตั้งเป้าทุกสาขาในปี 2566 ช่วยลดภาวะโลกร้อน และ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ถึง 2.5 ล้านต้น



5. New Market Penetration การลงทุนขยายธุรกิจใหม่ในกลุ่มฟาสต์ฟิตของแบรนด์ออโต้วันเป็นผู้นำบริการตรวจสภาพรถฟรี 38 รายการ เช่น ฟรีเติมลมไนโตรเจน ฟรีปะยาง เร่งเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยสิ้นปี 2565 จะมีสาขารวมทั้งสิ้น 30 สาขา พร้อมเปิดตัว Super App AUTO1 และ Line Connect (Live Chat) ให้บริการสั่งซื้อ จองคิวรับบริการ การแจ้งเตือนเมื่อถึงกำหนดระยะ รวมถึงแจ้งเหตุฉุกเฉิน นอกจากนี้ สำหรับ โก! ว้าว ซึ่งเป็นธุรกิจน้องใหม่ ภายใต้แนวคิด ของใช้ราคาเริ่มต้น 5 บาท ตอบรับกระแสสินค้า Home Convenience ครอบคลุมสินค้าเบ็ดเตล็ดที่ใช้ในชีวิตประจำวันกว่า 20,000 รายการ เร่งขยายสาขาโดยสิ้นปี 2565 จะมีสาขารวมทั้งสิ้น 70 สาขา










“บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด มุ่งมั่นในการเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคงเคียงข้างสังคมไทย ภายใต้ยุทธศาสตร์ CRC Retailligence โดยเชื่อมั่นว่าจะเป็นการสร้างมิติใหม่แห่งวงการค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน นำเสนอโซลูชันครบวงจรเพื่อที่อยู่อาศัยที่ดีขึ้น สร้างอนาคตมิติใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยยั่งยืน” นายสุทธิสาร กล่าวสรุป


###


เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล



บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าหลากหลายประเภทผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format and Multi-category) ในประเทศไทย และมีการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยเป็นผู้นำในประเทศอิตาลีและเป็นหนึ่งในผู้นำในประเทศเวียดนาม เครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีก 3,599 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564) อาทิ ห้างสรรพสินค้า,

ร้านสะดวกซื้อ, ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ (1) กลุ่มฮาร์ดไลน์ ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ บ้าน แอนด์ บียอนด์ / บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม (2) กลุ่มฟู้ด ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค และสินค้าที่มักพบได้ทั่วไปในร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ท็อปส์ แฟมิลี่มาร์ท บิ๊กซี / GO! ลานชี มาร์ท ท็อปส์ มาร์เก็ต เวียดนาม และ

มินิ โก (go!) (3) กลุ่มแฟชั่น ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป และ (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งมุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 57 จังหวัด, ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 40 จังหวัด, และประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564)


No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad




Pages