15 ปีกองทุน FTA กรมการค้าต่างประเทศ พัฒนายกระดับสินค้าไทย โกอินเตอร์สู่ตลาดโลก - Thailand Smart Content

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Thursday, June 9, 2022

15 ปีกองทุน FTA กรมการค้าต่างประเทศ พัฒนายกระดับสินค้าไทย โกอินเตอร์สู่ตลาดโลก







15 ปีกองทุน FTA กรมการค้าต่างประเทศ พัฒนายกระดับสินค้าไทย โกอินเตอร์สู่ตลาดโลก

กรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยผลสำเร็จการจัดตั้งกองทุน FTA ตลอดช่วงเวลา 15 ปีที่ผ่านมาที่ให้ความช่วยเหลือไปทั้งหมด 23 รายการสินค้า 6 ประเภทบริการ เน้นอบรมและถ่ายทอดองค์ความรู้ มุ่งช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน ยกระดับสินค้าและบริการไทยให้สามารถปรับตัวและขยายตลาดส่งออกสู่ตลาดโลก








นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวถึงผลการดำเนินโครงการกองทุนช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากเปิดเสรีทางการค้า หรือกองทุน FTA ในโอกาสที่ดำเนินโครงการฯ มาเป็นเวลา 15 ปี (2550-2565) ว่า ปัจจุบันไทยได้ทำความตกลงการค้าเสรี 14 ฉบับ 18 ประเทศ ส่งผลให้มีผู้ได้รับผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบ ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบก็ต้องได้รับการเยียวยาเพื่อให้สามารถปรับตัวและอยู่ได้อย่างยั่งยืน กองทุน FTA เป็นเครื่องมือที่กรมการค้าต่างประเทศใช้ในการเยียวยาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้ามาตั้งแต่ปี 2550 เพื่อให้เกษตรกรและผู้ประกอบการได้มีโอกาสพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันโดยการสร้างสินค้าและบริการที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน และสามารถขยายไปยังตลาดส่งออก โดยการช่วยเหลือของโครงการของกองทุน FTA ที่ผ่านมาจะไม่ใช่การช่วยเหลือในรูปแบบของตัวเงิน คือ ไม่ใช่การให้เงินทุน หรือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ แต่เป็นการให้องค์ความรู้ สร้างทักษะและความสามารถในการแข่งขันให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการ มุ่งเน้นการวิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ มาตรฐานการผลิตสินค้า สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน และการฝึกอบรมเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ในการพัฒนาการผลิตสินค้ารวมไปถึงการตลาดให้ได้ประโยชน์สูงสุดและสามารถแข่งขันได้








การดำเนินโครงการของกองทุน FTA ของกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา ได้ให้ความช่วยเหลือรวมทั้งสิ้น 29 รายการสินค้าและบริการ จำนวนรวม 62 โครงการ เป็นเงินงบประมาณ 425 ล้านบาท ประกอบด้วย

- ภาคเกษตร 13 รายการสินค้า จำนวน 32 โครงการ เป็นเงินงบประมาณ 231 ล้านบาท ได้แก่ โคนม โคเนื้อ ส้ม หอมแดง กระเทียม หอมหัวใหญ่ ข้าว ลิ้นจี่ สับปะรด ปลาน้ำจืด ชา น้ำผึ้ง ไม้ตัดดอก มะพร้าว และกาแฟอาราบิกา

- ภาคอุตสาหกรรม 10 รายการสินค้า จำนวน 21 โครงการ เป็นเงินงบประมาณ 142 ล้านบาท ได้แก่ สิ่งทอ ยาแผนปัจจุบัน ยาสมุนไพร ยาแผนโบราณ ปลาป่น เครื่องสำอางสมุนไพร เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องหนัง พลาสติก และอิฐมอญ

- ภาคบริการ 6 ประเภทบริการ จำนวน 9 โครงการ เป็นเงินงบประมาณ 52 ล้านบาท ได้แก่ โลจิสติกส์ อาหาร ท่องเที่ยว ก่อสร้าง วิศวกรรม และโรงแรม







โดยมีหลายโครงการที่ประสบผลสำเร็จอย่างดีเยี่ยม จนสามารถต่อยอดการผลิตไปได้ถึงการส่งออกไปต่างประเทศ ในภาคการเกษตร อาทิ การพัฒนาศักยภาพการผลิตโคเนื้อ ที่ให้ความช่วยเหลือแก่สหกรณ์ 5 แห่งรวมถึงสมาคมโคเนื้อแห่งประเทศไทย โดยได้ดำเนินการในด้านต่างๆ อาทิ สหกรณ์การเลี้ยงปศุสัตว์ กรป. กลางโพนยางคำฯ ได้มีการการออกแบบโรงฆ่าสัตว์ใหม่ให้ได้มาตรฐาน GMP และฮาลาล เพื่อยกระดับและผลักดันการส่งออกสู่อาเซียน มีระบบตรวจสอบย้อนกลับในสินค้าทุกชิ้น ซึ่งขณะนี้สหกรณ์ฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาลระดับประเทศแล้ว และอยู่ระหว่างรอผลการตรวจมาตรฐาน GMP โดยมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิม 520 ตัว เป็น 640 ตัวต่อเดือน ยอดขายเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 30 และได้สินค้าคุณภาพดีที่สามารถจำหน่ายในตลาดพรีเมียมและตลาดออนไลน์ได้ เช่น Villa Market และ Tops Supermarket เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้หลากหลาย เช่น เนื้อชาบูสไลซ์แช่แข็ง ผลิตภัณฑ์สแน็ค เนื้ออบกรอบ รวมถึงสินค้าเครื่องหนัง เป็นต้น และในส่วนของโคนม มีการวิจัยและพัฒนาเพื่อรองรับยุทธศาสตร์ด้านการตลาดนมโคสดแท้ 100% ของประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2554 มีการพัฒนาระบบเพื่อขอเครื่องหมายรับรอง “โบทอง” สำหรับนมโคสดแท้ 100% และการจัดตั้งธุรกิจแฟรนไชส์ผลิตภัณฑ์นมแปรรูป สไมล์มิลค์ (Smile Milk) และไอศกรีม Soft serve รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ 21 สูตรที่ปัจจุบันได้รับการรับรองมาตรฐาน อย. แล้ว ส่งผลให้เกษตรกรสามารถต่อยอดผลิตภัณฑ์โคนมที่มีความหลากหลายมากขึ้นได้






อีกหนึ่งสินค้าเกษตรที่ประสบความสำเร็จ คือ สับปะรด ซึ่งกองทุน FTA ได้ช่วยเหลือกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตสับปะรดนางแล จังหวัดเชียงราย ให้ใช้แนวคิดการตลาดนำการผลิตสามารถเจรจากำหนดราคาจำหน่ายและขยายตลาดได้ทั้งในและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นไปที่ญี่ปุ่น ซึ่งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนได้ทำการผลิตและการตลาดโดยใช้โลโก้ “Nang Lae Pine” มีการพัฒนาเทคนิคและวิธีการจัดการไร่สับปะรดในระบบเกษตรกรที่ดีและเหมาะสมทั้งของไทย (GAP) และญี่ปุ่น (JAS) รวมถึง Global GAP จนสามารถวางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตในญี่ปุ่นได้

นอกจากนี้ กองทุน FTA ช่วยเหลือสินค้าส้มสายน้ำผึ้งในเชียงใหม่โดยให้ความช่วยเหลือในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตส้มคุณภาพแม่อายและกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมส้มในเขตภาคเหนือตอนบน (คลัสเตอร์ส้ม) มีการดำเนินการต่างๆ อาทิ สร้างภาพลักษณ์ตราสินค้าส้มคุณภาพแม่อาย ใช้ QR Code ในการตรวจสอบย้อนกลับและรับรองคุณภาพการผลิตผ่านการรับรองระบบการผลิตตามมาตรฐาน GAP มีการพัฒนาวิธีการทดสอบโรคโดยใช้ชุด Test kit มีการขึ้นทะเบียนเกษตรกรและเชื่อมโยงเครือข่ายจนสามารถนำสินค้าเข้าจำหน่ายในโมเดิร์นเทรด เช่น Tops Supermarket ได้

ในภาคอุตสาหกรรม กองทุน FTA ได้ให้ความช่วยเหลือ อาทิ สินค้าปลาป่นที่มีสมาคมผู้ผลิตปลาป่นไทยเข้าร่วมโครงการ มีการเพิ่มขีดความสามารถโดยการจัดทำระบบประกันคุณภาพให้กับโรงงานปลาป่นเพื่อความปลอดภัยของอาหารสัตว์ มีการฝึกอบรมระบบ GMP และ HACCP ให้โรงงานจนสามารถผ่านการรับรองทั้งสองมาตรฐานได้ นอกจากนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมยาแผนปัจจุบัน ที่ได้ให้ความช่วยเหลือกับสมาคมไทยอุตสาหกรรมผลิตยาแผนปัจจุบัน โดยมีการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการเพื่อรองรับผลกระทบจากบันทึกความตกลงร่วมกัน (Mutual Recognition Agreement: MRA) ตามข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน โดยจัดทำหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตยาแผนปัจจุบันตามเกณฑ์ GMP ของ Pharmaceutical Inspection Co-operation Scheme (PIC/S) ให้ผู้ประกอบการ

นายพิทักษ์ฯ กล่าวเสริมว่า ผลงานจากการดำเนินโครงการต่างๆ ข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการดำเนินโครงการช่วยเหลือของกองทุน FTA ของกรมการค้าต่างประเทศตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีอีกหลายโครงการที่ยังต้องการความช่วยเหลือต่อเนื่องเพื่อให้สามารถต่อยอดและสร้างผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่ากรมการค้าต่างประเทศไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการกองทุนฯ ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา โดยในปี 2564 มีเกษตรกรยื่นสมัครขอรับการความช่วยเหลือจากกองทุน FTA จำนวนมาก และในทุกวันนี้ยังคงได้รับการสอบถามถึงโครงการกองทุนฯ จากกลุ่มเกษตรกรและผู้สนใจอยู่เช่นกัน อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีกองทุน FTA ของกรมการค้าต่างประเทศ แต่กระทรวงพาณิชย์ยังให้ความสำคัญโดยจะจัดตั้งเป็นกองทุนถาวรที่จะสามารถให้ความช่วยเหลือได้ในรูปแบบตัวเงินและองค์ความรู้ ภายใต้พระราชบัญญัติกองทุนช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า พ.ศ. .... ซึ่งจะทำให้ดำเนินการช่วยเหลือได้อย่างยั่งยืน

กองทุน FTA จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2550 เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการจัดตั้งกองทุนเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า หรือกองทุน FTA มีการบริหารงานโดยคณะกรรมการบริหารเงินช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ซึ่งมีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน มีผู้แทนจากกระทรวงต่างๆ อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นกรรมการ และมีอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเป็นกรรมการและเลขานุการ โดยในการบริหารงาน คณะกรรมการบริหารเงินช่วยเหลือฯ ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ทำหน้าที่กลั่นกรองโครงการที่เสนอขอเงินช่วยเหลือ และคณะทำงานติดตามประเมินผลการให้ความช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า เพื่อติดตามและประเมินการดำเนินการของโครงการที่ได้รับอนุมัติเงินช่วยเหลือ โดยทั้ง 2 คณะฯ มีองค์ประกอบเป็นผู้แทนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน

หากผู้สนใจมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ 1385 หรือเว็บไซต์กรมฯ www.dft.go.th


No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad




Pages